โปรแกรมปรับรูปหน้า Facial Design
สารลดเลือนริ้วรอย หรือ โบฯ ที่สกัดมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมนำมาใช้ในวงการความงาม เมื่อฉีดแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ลดการขยับของกล้ามเนื้อ ช่วยลดริ้วรอย ลดกราม และปรับรูปหน้า
สารลดเลือนริ้วรอย มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. นอกจากมาใช้ในการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียว และยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ไมเกรน Office syndrome ได้อีกด้วย
การทำงานของสารลดริ้วรอย
หลักการทำงานเมื่อฉีดสารลดริ้วรอยเข้าไปแล้ว จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท และยับยั้งการหลั่งเซลล์สื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจึงทำงานน้อยลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผิวหนังบนใบหน้าเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอย หรือรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการแสดงสีหน้าบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา ย่นจมูกลดลง รวมถึงนำมาลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม เพื่อใช้ในการปรับรูปหน้าเรียวเล็ก และสามารถใช้ลิฟกรอบหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูยกกระชับได้ รวมถึงนำมาใช้ฉีดลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือฝ่าเท้าได้ด้วยเช่นกัน
ฉีดโบฯ ตรงไหน ช่วยอะไรได้บ้าง ?
โบริ้วรอย ช่วยลดริ้วรอย รอยย่น ในบริเวณที่แสดงสีหน้า หน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา รอยย่นจมูก ทำให้ผิวตึงกระชับ และสามารถลดการเกิดริ้วรอยถาวรบนใบหน้าในอนาคตได้
โบกราม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ ช่วยให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัว และมีขนาดเล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
โบลิฟกรอบหน้า ช่วยให้ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับ ทำให้ใบหน้าดูเรียว และได้รูปมากขึ้น
โบรักแร้ลดเหงื่อ ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง ส่งผลให้กลิ่นตัวลดลงไปด้วย
โบปีกจมูก ช่วยลดความบานบริเวณปีกจมูก ให้ดูแคบลง ทำให้จมูกดูเล็กลง
โบไมเกรน ยับยั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัวได้ชั่วคราว ทำให้ผู้ที่มีอาการปวดไมเกรน ปวดน้อยลง และอาการไม่รุนแรงเหมือนเดิม
โบ Office syndrome ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานซ้ำๆ เกิดการคลายตัว อ่อนแรงลงชั่วคราว และยังช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ที่เป็นตัวการทำให้เกิดการปวดคอ บ่า ไหล่เรื้อรังได้
โบรูขุมขน ช่วยกระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง และสามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าให้น้อยลงได้
เลือกโบยี่ห้อไหนดี ?
โบเกาหลี Nabo
โบยี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% จุดเด่นคือออกฤทธิ์ค่อนข้างไว เหมาะกับคนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน
หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว กรามลดลงไว ริ้วรอยลดลงไว และสามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 5-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย
โบเกาหลี Aes
โบที่เพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% สามารถลดอัตราการดื้อโบได้ (การดื้อโบ หมายถึง การฉีดโบซ้ำ แล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลน้อยลง) Aes ถูกพัฒนาโครงสร้างโมเลกุลให้เทียบเท่ากับโบอเมริกา Allergan ออกฤทธิ์ได้ใกล้เคียงกัน ยากระจายตัวแคบ ออกฤทธิ์แม่นยำตรงจุด เห็นผลไว
โบอเมริกา Aller
บริษัท original ของโบฯ ที่ผ่านการพัฒนามาเพื่อทำให้โอกาสดื้อโบน้อยที่สุด และผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับโบยี่ห้ออื่นๆ ตัวยากระจายวงแคบ ให้ผลการรักษาแม่นยำที่สุด ทำให้แพทย์สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบได้แม่นยำ ทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาตรงจุดที่สุด และผลลัพธ์อยู่ได้นาน
โบเยอรมัน Xeo
โบสัญชาติเยอรมัน ที่พัฒนาโดยเอาข้อดีของโบอเมริกา มาต่อยอด มีความบริสุทธิ์สูง และตัวยาจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงเกินไป
ฉีดโบแล้วไม่เห็นผล? รู้จักภาวะดื้อโบ และวิธีแก้ไข
เคยสงสัยไหมว่าทำไมฉีดโบแล้วไม่เห็นผล? หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหานี้มาแล้ว ทั้งที่ฉีดไปแล้วหลายครั้ง แต่ริ้วรอยก็ยังคงอยู่ หรือใบหน้าก็ยังไม่เรียวเล็กลงตามที่ต้องการ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหานี้อาจเป็นเพราะ ภาวะดื้อโบ นั่นเอง
ภาวะดื้อโบ คืออะไร?
ภาวะดื้อโบ คือ สภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อสารลดริ้วรอย ทำให้เมื่อฉีดโบเข้าไป ร่างกายจะทำลายโบ ทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะดื้อโบ
- ฉีดโบปลอม: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. อาจทำให้เกิดการแพ้ หรือร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้
- ฉีดโบในปริมาณมากเกินไป หรือฉีดบ่อยเกินไป: การใช้โบท็อกในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดบ่อยเกินไป อาจทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้
- ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน: บางรายร่างกายอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อโบท็อก โดยการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเอง
ผลกระทบจากภาวะดื้อโบ
- ฉีดแล้วไม่เห็นผล: ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรืออาจจะไม่เห็นผลเลย
- ต้องใช้ปริมาณที่มากขึ้น: เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ อาจต้องใช้ปริมาณโบที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่า
- ต้องรอเวลานาน: หากร่างกายสร้างภูมิต้านทาน อาจต้องรอเวลา 3-5 ปี ถึงจะสามารถกลับมาฉีดโบได้อีกครั้ง
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน: เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
- ปรึกษาแพทย์: ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดโบ เพื่อประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- ใช้ยี่ห้อโบที่เหมาะสม: สำหรับผู้ที่มีภาวะดื้อโบ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยี่ห้อโบที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะแนะนำให้ใช้โบที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถใช้กับผู้ที่มีภาวะดื้อโบได้ อย่างโบสัญชาติเยอรมัน
หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาภาวะดื้อโบ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง
การเตรียมตัวก่อนทำ
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย
- หยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Naproxen, Motrin วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
- เลือกใช้ยาแท้เท่านั้น แสกนกล่อง แกะกล่องต่อหน้าเท่านั้น
- ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมตัวยาให้ต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป
ขั้นตอนการทำ
- แพทย์จะประเมินรูปหน้าและสภาพผิว
- ก่อนฉีดจะมีการทายาชา หรือประคบน้ำแข็ง เพื่อให้คนไข้ไม่เจ็บ แล้วแพทย์จะฉีดด้วยเข็มขนาดเล็กไปยังบริเวณกล้ามเนื้อ
การดูแล / ข้อควรระวังหลังทำ
- พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยากระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
- งดนอนราบ 4 ชม.
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด งดการอยู่ในที่ร้อน เช่น อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อน เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
- ควรงดทำหน้า นวดหน้า หลังจากฉีดโบเป็นเวลา 2 สัปดาห์
โบปลอม โบหิ้ว โบไม่มี อย. ไม่ได้คุณภาพ ผลเสียที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
ฉีดโบแล้วไม่เห็นผล? หน้าเบี้ยว? ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากการที่คุณเลือกฉีดของปลอม หรือฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นได้ การตัดสินใจฉีดโบเพื่อความสวยงามนั้นต้องใช้ความรอบคอบเป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกผิด อาจส่งผลเสียต่อใบหน้าและสุขภาพของคุณได้อย่างร้ายแรง
อันตรายจากการฉีดโบปลอม การฉีดโบปลอมนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์มากมาย อาทิ
- ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
- หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว หนังตาตก เกิดจากตัวยาที่ไม่มีความเสถียรและความเข้มข้นที่เหมาะสม ทำให้ยาไปกระจายตัวในบริเวณที่ไม่ต้องการ
- ติดเชื้อ โบปลอมมักผลิตในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- เกิดภาวะดื้อโบ ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อโบ ทำให้การฉีดครั้งต่อไปไม่ได้ผล
สาเหตุที่ทำให้ฉีดโบแล้วไม่เห็นผล
- โบปลอม มีส่วนผสมที่ไม่บริสุทธิ์ หรือไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
- การเก็บรักษาไม่ถูกวิธี โบเป็นยาที่ไวต่ออุณหภูมิ การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมจะทำลายโครงสร้างของยา
- เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง หากผู้ฉีดไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ อาจทำให้ยาไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึง
วิธีป้องกัน
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง มีใบอนุญาต และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ตรวจสอบยี่ห้อและเลขที่ใบอนุญาต ขอยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นของแท้และได้รับอนุญาตจาก อย.
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และการดูแลหลังการฉีด
- เปรียบเทียบราคา อย่าเลือกคลินิกที่ราคาถูกเกินจริง เพราะอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน
อย่าหลงเชื่อโปรโมชั่นราคาถูก การเลือกฉีดโบท็อกที่ราคาถูกเกินไป อาจเป็นการเสี่ยงกับความสวยงามและสุขภาพของคุณ การลงทุนกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีที่สุด และผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
ฉีดโบที่ไหนดี ฉีดโบที่ Vdesign Clinic รพ.วิภาวดี
- ปลอดภัย น่าเชื่อถือ มาตรฐานเครือโรงพยาบาลวิภาวดี
- แพทย์ให้คำปรึกษา วิเคราะห์ปัญหา ก่อนทำทุกเคส ไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ ดูแลคนไข้ในวงการความงามมาแล้วกว่า 10 ปี
- ใช้ยาแท้จากบริษัท และเวชภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้
- ผลลัพธ์หลังฉีดเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง ไม่ตึง
- ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ จนเกิดเคสบอกต่อ
- ดารา นักแสดง เซเลป ผู้มีชื่อเสียง ไว้วางใจให้วีดีไซน์ดูแลเรื่องความงาม
- แพทย์มีการเทรนเพื่อพัฒนาความรู้ และเทคนิค เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด
FAQ คำถามที่พบบ่อย
Q : ฉีดโบฯ แล้วอยู่ได้กี่เดือน ?
A : ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและยี่ห้อที่ใช้ ผลลัพธ์ของการฉีดไม่ได้อยู่ถาวร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 เดือน และโบแท้สามารถสลายหมด 100% โดยไม่มีสารตกค้าง
Q : โบกราม อยู่ได้นานแค่ไหน ?
A : อายุการออกฤทธิ์ที่ฉีดโบลดกราม โดยทั่วไปอยู่ได้ 5-6 เดือน หากเป็นโบริ้วรอย อยู่ได้ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย
Q : โบลดกราม โบหน้าเรียว กี่วันเห็นผล ?
A : โบกราม เริ่มเห็นผลตอน 14 วัน กล้ามเนื้อกรามจะกัดแล้วไม่เด้ง แต่จะเริ่มเห็นว่ายุบตอน 1 เดือนขึ้นไป
Q : โบลดริ้วรอย เห็นผลเมื่อไหร่ ?
A : โบริ้วรอย จะเริ่มออกฤทธิ์และเห็นผลตอน 3-7 วัน เห็นผลเต็มที่ 14 วัน
Q : ควรฉีดโบฯ ทุกกี่เดือน ?
A : การฉีดโบไม่ควรฉีดถี่เกินไป เพราะอาจทำให้ดื้อโบได้ โดยปกติควรฉีดเว้นจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นเกิน 6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ
Q : หลังฉีดโบ ทาครีมได้ไหม ?
A : สามารถทาครีมได้ตามปกติ แต่ควรเว้นบริเวณที่เป็นรอยเข็ม 1 คืน
Q : หลังฉีดโบ เคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเรื่องอะไร ?
A : การเคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบท็อก 30 นาทีแรก จะช่วยกระจายตัวยาและทำให้โบท็อกถูกดูดซึมได้ดีขึ้น